รายงานวิจัย
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
2560
การพัฒนาทักษะการสร้างสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ เพื่อสืบสานภูมิปัญญาแหล่งเรียนรู้ ที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยกระบวนการปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมสำหรับแกนนำชุมชน ตำบลควร จังหวัดพะเยา
การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและศึกษาเปรียบเทียบผลการพัฒนาทักษะการสร้างสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ร่วมกิจกรรมต่อการใช้สื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ สืบสานภูมิปัญญาแหล่งเรียนรู้ ที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยกระบวนการปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมสาหรับแกนนาชุมชน ตาบลควร จ.พะเยา โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงทดลองร่วมกับเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม การดาเนินงานมี 2 ระยะ ระยะที่ 1 สถานภาพ ศักยภาพ เพื่อออกแบบกิจกรรมทักษะการสร้างสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ สืบสานภูมิปัญญาแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วยกระบวนการปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมสาหรับแกนนาชุมชน ระยะที่ 2 การสร้างและทดลองใช้ชุดกิจกรรมเสริมทักษะการสร้างสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ สืบสานภูมิปัญญาแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพด้วยกระบวนการปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมสาหรับแกนนาชุมชน โดยมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจัดการความรู้จากประสบการณ์ความสาเร็จ ระหว่างดาเนินการ รวมทั้งทดลองใช้รูปแบบกิจกรรมเสริมทักษะการสร้างสื่อเทคโนโลยี
ผลวิจัยพบว่าการพัฒนาทักษะการสร้างสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ สืบสานภูมิปัญญาแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยกระบวนการปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมสาหรับแกนนาชุมชน ที่ได้รับการยอมรับร่วมกันของภาคีเครือข่ายและผู้ทรงคุณวุฒิ มีวงจรการเรียนรู้เป็น 3 องค์ประกอบเรียกว่า BCL Modelได้แก่ 1) การเรียนรู้จากแบบปฏิบัติที่ดีและทาแผนแบบมีส่วนร่วม (Best Practices Learning and Participatory Plan : B) มีขั้นตอนสาคัญคือ 1.1) ศึกษาข้อมูลท้องถิ่นและแบบปฏิบัติ ที่ดี 1.2) ออกแบบการเรียนรู้และทาแผนปฏิบัติการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม 1.3) ทาคู่มือการพัฒนาสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ 1.4) สื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ สืบสานภูมิปัญญาแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 1.5) ทาแผนปฏิบัติแผนการพัฒนารูปแบบกิจกรรมเสริมทักษะการสร้างสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ 2) ปฏิบัติการและเรียนรู้กับผู้มีประสบการณ์ (Coaching Peried : C ) มีขั้นตอนสาคัญคือ 2.1) จัดการความรู้สู่การปฏิบัติแบบนาตนเอง 2.3) ปฏิบัติการพัฒนารูปแบบกิจกรรมเสริมทักษะการสร้างสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ และ 3) สานพลังเครือข่ายเรียนรู้เพื่อพัฒนาต่อเนื่อง (Learning Organization : L) ขั้นตอนสาคัญคือ 3.1) แลกเปลี่ยนเรียนรู้และเสริมศักยภาพการปฏิบัติ 3.2) การจัดการความรู้สู่การใช้ประโยชน์ สาหรับผลการทดลองใช้รูปแบบการกิจกรรมพบว่า มีผลที่แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงในทางบวกอย่างเป็นรูปธรรมทั้งด้านความรู้และความสามารถในการพัฒนารูปแบบกิจกรรมเสริมทักษะการสร้างสื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์ นอกจากนี้ด้านความพึงพอใจของผู้ร่วมโครงการพบว่าอยู่ในระดับดีและดีมากทุกรายการ
สื่อเทคโนโลยีสร้างสรรค์