งานวิจัยรื่อง
แนวทางการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยการใช้กระบวนการแผนที่ทางความคิด (Mind Map)
The guideline promoting the quality of elderly healthiness in Wang Din Sub-District Li District Lamphun Province by Mind Map Approach
นักวิจัย
หัวหน้าโครงการ : อาจารย์ ดร.บัณศิกาญจ ตั้งภากรณ์
ผู้ร่วมวิจัย :
ผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ :
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมสุขภาพชีวิตผู้สูงอายุในเทศบาลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จากความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองของการถ่ายทอดความรู้ทางภูมิปัญญาของตน โดยใช้กระบวนการแผนที่ทางความคิด (Mind Map)
คำสำคัญ
ผู้สูงอายุ, ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง, ถ่ายทอดความรู้ทางภูมิปัญญา, แผนที่ทางความคิด
บทคัดย่อย
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมสุขภาพชีวิตผู้สูงอายุในเทศบาลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จากความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองของการถ่ายทอดความรู้ทางภูมิปัญญาของตน โดยการใช้กระบวนการแผนที่ทางความคิด (Mind Map) ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 – 79 ปี ทั้งเพศชายและเพศหญิงในเทศบาลตำบลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนที่มีความพร้อมในทักษะกระบวนการอ่านและการเขียน จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสัมภาษณ์ความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองจากการถ่ายทอดความรู้ทางภูมิปัญญา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุในเทศบาลตำบลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีระดับความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองโดยภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ที่ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.65 ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ผู้สูงอายุมีระดับความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองต่อการนำความรู้ของตนไปช่วยเหลือผู้อื่น และการเป็นที่ชื่นชอบของหมู่เพื่อนในวัยเดียวกัน อยู่ที่ระดับดีมากที่ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.94 และ 4.89 ตามลำดับ สำหรับความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองต่อการมีส่วนร่วมเสนอผลงานที่ตนถนัดในงานกิจกรรมที่เทศบาลจัดขึ้นนั้น อยู่ที่ระดับปานกลางที่ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.22 กล่าวคือ ผู้สูงอายุมีความปรารถนาที่อยากให้หน่วยงานเทศบาล ตำบลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เปิดโอกาสหรือมีกลุ่มพื้นที่ให้ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วมในการเสนอผลงานที่ตนถนัดในงานกิจกรรมต่างๆที่ทางเทศบาลจัดขึ้น ซึ่งสภาวะความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองมีความสัมพันธ์กับการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีของผู้สูงอายุในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
เอกสารงานวิจัย
ผลการใช้ประโยชน์ในพื้นที่
Notes
หัวหน้าโครงการ : อาจารย์ ดร.บัณศิกาญจ ตั้งภากรณ์
ผู้ร่วมวิจัย :
ผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ :
วัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมสุขภาพชีวิตผู้สูงอายุในเทศบาลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จากความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองของการถ่ายทอดความรู้ทางภูมิปัญญาของตน โดยใช้กระบวนการแผนที่ทางความคิด (Mind Map)
คำสำคัญ
ผู้สูงอายุ, ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง, ถ่ายทอดความรู้ทางภูมิปัญญา, แผนที่ทางความคิด
บทคัดย่อย
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาแนวทางการส่งเสริมสุขภาพชีวิตผู้สูงอายุในเทศบาลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จากความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองของการถ่ายทอดความรู้ทางภูมิปัญญาของตน โดยการใช้กระบวนการแผนที่ทางความคิด (Mind Map) ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 – 79 ปี ทั้งเพศชายและเพศหญิงในเทศบาลตำบลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนที่มีความพร้อมในทักษะกระบวนการอ่านและการเขียน จำนวน 18 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสัมภาษณ์ความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองจากการถ่ายทอดความรู้ทางภูมิปัญญา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุในเทศบาลตำบลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีระดับความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองโดยภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก ที่ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.65 ซึ่งเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ผู้สูงอายุมีระดับความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองต่อการนำความรู้ของตนไปช่วยเหลือผู้อื่น และการเป็นที่ชื่นชอบของหมู่เพื่อนในวัยเดียวกัน อยู่ที่ระดับดีมากที่ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.94 และ 4.89 ตามลำดับ สำหรับความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองต่อการมีส่วนร่วมเสนอผลงานที่ตนถนัดในงานกิจกรรมที่เทศบาลจัดขึ้นนั้น อยู่ที่ระดับปานกลางที่ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.22 กล่าวคือ ผู้สูงอายุมีความปรารถนาที่อยากให้หน่วยงานเทศบาล ตำบลวังดิน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน เปิดโอกาสหรือมีกลุ่มพื้นที่ให้ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วมในการเสนอผลงานที่ตนถนัดในงานกิจกรรมต่างๆที่ทางเทศบาลจัดขึ้น ซึ่งสภาวะความรู้สึกที่มีคุณค่าในตนเองมีความสัมพันธ์กับการมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดีของผู้สูงอายุในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
เอกสารงานวิจัย
ผลการใช้ประโยชน์ในพื้นที่
Notes
ข้อมูลจากระบบ LRD : Local Research Development System.