$endsection URU Research

รายงานวิจัย

เกษตรศาสตร์
ทุนสนับสนุนงานพื้นฐาน (Fundamental Fund)
2569
ประสิทธิภาพของ Streptomyces kronopolitis ไอโซเลท SA18 ต่อการควบคุมโรคและการเจริญของมะเขือเทศ
Examining the effectiveness of Streptomyces kronopolitis isolate SA18 in controlling diseases and promoting tomato growth
มะเขือเทศเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในประเทศไทย เนื่องจากเป็นพืชผักที่นิยมบริโภคทั้งในรูปสดและแปรรูป อย่างไรก็ตาม การปลูกมะเขือเทศในประเทศไทยมักประสบปัญหาโรคพืชที่ทำให้ผลผลิตลดลงและคุณภาพของผลผลิตต่ำ โรคที่พบได้บ่อยในมะเขือเทศในประเทศไทย ได้แก่ โรคใบไหม้ (late blight) โรคราน้ำค้าง (downy mildew) โรคราแป้ง (powdery mildew) และโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคใบหงิก (bacterial wilt) และโรครากเน่า (root rot) โรคพืชเหล่านี้ส่งผลให้ผลผลิตลดลงอย่างมาก ซึ่งกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร การสูญเสียผลผลิตจากโรคพืชสามารถทำให้เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพและการลงทุนในการปลูกพืชในรอบถัดไป นอกจากนี้ โรคพืชยังทำให้มะเขือเทศมีคุณภาพต่ำลง ทั้งในด้านรูปร่าง สีสัน และรสชาติ ซึ่งส่งผลให้ราคาจำหน่ายลดลงและขาดความสามารถในการแข่งขันในตลาด (สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย, 2563; กรมวิชาการเกษตร, 2564) นอกจากนี้ มะเขือเทศเป็นพืชผักที่มีความไวต่อการเสื่อมสภาพหลังการเก็บเกี่ยว เนื่องจากมีความชื้นสูงและเนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่ม ทำให้มะเขือเทศมีอายุการเก็บรักษาที่สั้นและต้องการการจัดการที่เหมาะสมเพื่อคงคุณภาพและยืดอายุการเก็บรักษา ปัญหาหลังการเก็บเกี่ยวของมะเขือเทศสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้าน อาทิเช่น การเน่าเสียและโรคหลังการเก็บเกี่ยว การสูญเสียน้ำและการเหี่ยวเฉา การเปลี่ยนแปลงของสีและเนื้อสัมผัส เป็นต้น ในกรณีของการเน่าเสียและโรคหลังการเก็บเกี่ยวนั้น มะเขือเทศมีความไวต่อการติดเชื้อโรคจากเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น โรคผลเน่า (fruit rot) ที่เกิดจากเชื้อรา Alternaria และ Fusarium การติดเชื้อสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในแปลงปลูก และมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วระหว่างการเก็บเกี่ยวและการขนส่ง สภาวะที่ชื้นและอบอ้าวจะช่วยเพิ่มความเสี่ยงของการเน่าเสียได้ (สำนักงานวิจัยการเกษตร, 2563) การควบคุมโรคในการปลูกมะเขือเทศโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้เชื้อจุลินทรีย์เพื่อป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่ทำลายมะเขือเทศมีรายงานไม่มากนัก เชื้อ Bacillus subtilis เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง พบว่ามีความสามารถในการผลิตสารต้านจุลชีพ เช่น สารต้านเชื้อราและสารต้านแบคทีเรียที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ Alternaria solani และ Botrytis cinerea เชื้อสาเหตุโรคในมะเขือเทศได้ (Kavitha & Umesha, 2007) การศึกษาในห้องปฏิบัติการและในแปลงปลูกพบว่า B. subtilis สามารถลดความรุนแรงของโรคใบจุดวงกลมและโรคเน่าเทาในมะเขือเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Choudhary & Johri, 2009) เชื้อ Trichoderma harzianum สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราโรคพืชได้หลายชนิด เช่น Fusarium oxysporum และ Rhizoctonia solani โดยการผลิตเอนไซม์ที่สามารถทำลายผนังเซลล์ของเชื้อราสาเหตุโรค (Harman et al., 2004) นอกจากนี้ T. harzianum ยังสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของพืชและเพิ่มความต้านทานต่อโรคของมะเขือเทศได้ด้วย (Elad et al., 2007) Pseudomonas fluorescens สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา Phytophthora infestans ซึ่งเป็นสาเหตุของโรครากเน่าและโคนเน่าในมะเขือเทศ (Saraf et al., 2014) นอกจากนี้ยังพบว่า P. fluorescens สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของมะเขือเทศและเพิ่มผลผลิตได้ด้วย (Weller, 2007) เชื้อ Streptomyces เป็นกลุ่มของแบคทีเรียแกรมบวกที่มีความสำคัญในระบบนิเวศดิน เนื่องจากมีบทบาทในการย่อยสลายสารอินทรีย์และปลดปล่อยธาตุอาหารที่สำคัญสำหรับพืช Streptomyces เป็นที่รู้จักในวงการวิทยาศาสตร์จากความสามารถในการผลิตสารประกอบชีวภาพที่มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ สารประกอบเหล่านี้รวมถึงแอนติโบติกส์ เช่น สเตรปโตมัยซิน (streptomycin) และเททราซัยคลิน (tetracycline) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคพืชหลายชนิด (Tanaka & Omura, 1993) งานวิจัยต่างๆ ได้แสดงให้เห็นว่าเชื้อ Streptomyces มีศักยภาพในการควบคุมโรคพืชหลายชนิด เช่น โรคใบไหม้ (late blight) โรครากเน่า (root rot) และโรคแอนแทรคโนส (anthracnose) ซึ่งเป็นโรคที่สำคัญในพืชเศรษฐกิจหลายชนิด (El-Tarabily & Sivasithamparam, 2006) การใช้ Streptomyces ในการควบคุมโรคพืชมีข้อดีหลายประการ เช่น ลดการพึ่งพาสารเคมี ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และไม่มีผลกระทบทางลบต่อสุขภาพของมนุษย์ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาเชื้อดื้อยาที่เกิดจากการใช้สารเคมีอย่างต่อเนื่อง (Chater & Bibb, 2017) นอกจากคุณสมบัติในการควบคุมโรคพืชแล้ว เชื้อ Streptomyces ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชผ่านกลไกต่างๆ เช่น การผลิตฮอร์โมนพืช ได้แก่ ออกซิน (auxin) ไซโตไคนิน (cytokinin) และจิบเบอเรลลิน (gibberellin) ที่ช่วยในการงอกของเมล็ด การพัฒนาของราก และการเจริญเติบโตของลำต้น (Glick, 2012) นอกจากนี้ Streptomyces ยังมีความสามารถในการผลิตเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยสลายสารอินทรีย์และปลดปล่อยธาตุอาหารที่มีประโยชน์สำหรับพืช เช่น ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ซึ่งช่วยให้พืชมีการดูดซึมธาตุอาหารได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้พืชมีความแข็งแรงและทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม (Palaniyandi et al., 2013) การใช้ Streptomyces spp. ในการควบคุมโรคในการปลูกมะเขือเทศได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในการศึกษาของ Boukaew et al. (2011) พบว่า Streptomyces spp. สามารถลดความรุนแรงของโรครากเน่าและโคนเน่าในมะเขือเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีรายงานว่า Streptomyces griseoviridis สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Ralstonia solanacearum ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเหี่ยวเขียวในมะเขือเทศได้ (Cao et al., 2005) จากงานวิจัยของ วันวิสาข์ และคณะ (2567) Streptomyces kronopolitis ไอโซเลท SA18 เป็นเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ที่แยกจากดินในส่วนรอบๆ รากทุเรียน เชื้อนี้มีความสามารถในการยับยั้งเชื้อรา Rhizoctonia solani เชื้อราสาเหตุโรคใบติดใบไหม้ของทุเรียนในห้องปฏิบัติการในระดับสูง คือ 92 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อทดสอบกับตัวอย่างใบทุเรียน พบว่าสามารถทำให้ความรุนแรงของโรคลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้มีความสามารถในการผลิตกรด IAA ปริมาตร 45.72 μg/ml ที่ระยะเวลาการเลี้ยงเชื้อ 14 วัน และมีความสามารถในการละลายฟอสเฟตด้วย ซึ่งจากศักยภาพของเชื้อจุลินทรีย์นี้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศแบบเกษตรอินทรีย์ในเขตจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ต้องการสารชีวภัณฑ์สำหรับควบคุมโรคมะเขือเทศในระหว่างการเพาะปลูก พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต และเพื่อช่วยในการยืดอายุหลังการเก็บเกี่ยว ดังนั้นในงานวิจัยนี้ คณะผู้วิจัยจึงมุ่งเน้นในการนำเชื้อ S. kronopolitis ไอโซเลท SA18 มาทดสอบประสิทธิภาพในการควบคุมโรคของมะเขือเทศ กระตุ้นการงอกและเจริญเติบโต และการควบคุมโรคและคุณภาพของผลมะเขือเทศภายหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อช่วยลดปัญหาสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศต่อไป
สารออกฤทธิ์,การควบคุมโดยชีววิธี,มะเขือเทศ,แอคติโนมัยซีท