รายงานวิจัย
การศึกษา
ทุนสนับสนุนงานพื้นฐาน (Fundamental Fund)
2569
การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพและกิจกรรมทางกายที่มีต่อสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพของนักเรียนประถมศึกษา
Development of a Health Promotion and Physical Activity Program that Affects Health-Related Physical Fitness for Primary School Students
สมรรถภาพทางกายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อเด็กและเยาวชนในการดำรงชีวิตอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องปลูกฝังและส่งเสริมให้เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กและเยาวชน รวมถึงความสำคัญของการทราบถึงภาวะสมรรถภาพทางกายของเด็กและเยาวชนว่าอยู่ในระดับใด โดยจะทราบได้ด้วยการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนส่งเสริมและพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นการมีสมรรถภาพทางกายที่ดีจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรียนรู้และมีพัฒนาการด้านอื่น ๆ ดีไปด้วย เพราะฉะนั้นสมรรถภาพทางกายจึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการดำรงชีวิตเพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้บุคคลมีสุขภาพดี เนื่องจากการมีสุขภาพดีเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์และเป็นจุดมุ่งหมายทางสังคมที่ยอมรับกันทั่วโลกไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันทางเชื้อชาติ ศาสนา ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม หรือความเชื่อทางด้านใดก็ตาม ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองให้ได้รับการพัฒนาสุขภาพ ซึ่งมนุษย์ทุกคนมีศักยภาพเพียงพอที่จะเพิ่มคุณค่าในตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้คุณค่ากับการใช้ชีวิตเพื่อเป้าหมายของสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดีและใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของคุณภาพชีวิตที่ดีตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ซึ่งเห็นได้จากการปฏิบัติกิจกรรมและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นการพัฒนาสมรรถภาพทางกายต้องเริ่มต้นที่วัยเด็กเพราะเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตมีพัฒนาการรวดเร็วทุกด้าน หากเรามองหาวิธีการที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายของสุขภาพที่ดีแล้วนั้น เรามิอาจปฏิเสธได้ว่า “การสร้างเสริมสุขภาพด้วยการร่วมกิจกรรมทางกาย” ถือเป็นวิธีการที่สามารถพัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคมของมนุษย์ได้อย่างเป็นองค์รวมและเป็นหนึ่งในวิถีของการปฏิบัติที่ซ่อนอยู่ในวิถีชีวิตของคนทุกคน ในทางกลับกันไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถปฏิบัติกิจกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อสุขภาพที่ดีได้ (ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค), 2564) สอดคล้องกับการกำหนดตัวชี้วัดและแนวทางการพัฒนาไว้ในแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2565–2570) ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กรมพลศึกษา (2565) ที่ได้เล็งเห็นถึงความประโยชน์และความสำคัญของการมีสุขภาวะที่ดีของเด็กและเยาวชน ในประเด็นการพัฒนาที่ 1 การส่งเสริมและพัฒนาการออกกำลังกายและกีฬาขั้นพื้นฐานมาจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในวิชาพลศึกษาหรือวิชาอื่น ๆ ให้มีความเหมาะสมตามลำดับ ซึ่งทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมในการสร้างเสริมสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง มีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อย่างครบวงจร อย่างไรก็ดีการจะพัฒนาบุคคลให้เป็นคนที่มีสุขภาพดีนั้นจำเป็นต้องได้รับความรู้ที่ดีเพื่อเป็นการส่งเสริมการดูแลสุขภาพสำหรับตนเองด้วย ซึ่งเยาวชนเองก็มีความจำเป็นต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่วัยเด็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคมและปัญญา ถ้าเยาวชนในชุมชนมีสุขภาพดีแล้วก็จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้บุคคลในชุมชนได้มีสุขภาพที่ดีไปด้วย ดังนั้นการดูแลสุขภาพและสมรรถภาพทางกายจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อมนุษย์ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2562)
จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 24 (2) และ (3) ได้ระบุแนวทางการจัดการเรียนรู้โดยเน้นการฝึกทักษะ กระบวนการคิด การประยุกต์ใช้ความรู้และการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายในการจัดทำคู่มือครูและแผนการจัดการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาที่เน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ผสมผสานเชื่อมโยงสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ กับหัวข้อเรื่องหรือประเด็นที่สอดคล้องกับชีวิตจริงเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาแบบองค์รวม (กระทรวงศึกษาธิการ, 2545) สอดคล้องกับการปฏิบัติงานและวิถีชีวิตเพื่อประโยชน์ที่สามารถนำไปใช้เผยแพร่ต่อชุมชนและสังคมอันจะทำให้เกิดผลที่ดียิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นทำให้สภาพปัญหาด้านสมรรถภาพทางกายและสุขภาพที่เกิดขึ้นในวิถีชีวิตของผู้เรียนขาดการออกกำลังกายและขาดการเคลื่อนไหวออกแรงในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ ซึ่งการป้องกันที่ดีอีกทางเลือกหนึ่งคือการสร้างเสริมสุขภาพและสมรรถภาพทางกายที่ดี ด้วยการร่วมกิจกรรมทางกายและการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำให้เหมาะสมตามอายุและวัย เช่นเดียวกันควรส่งเสริมสนับสนุนให้มีกิจกรรมทางกายเพื่อสร้างความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อของแต่ละช่วงวัย โดยรูปแบบของกิจกรรมทางกายจะต้องมีความสอดคล้องกับบริบทการดำเนินชีวิต เพราะนอกจากจะสามารถนำไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองในชีวิตประจำวันได้แล้วยังสามารถนำความรู้ประสบการณ์ไปถ่ายทอดให้กับคนในชุมชนได้อีก ซึ่งจากข้อมูลการสำรวจโดยศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค, 2564) สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า เด็กและวัยรุ่นร้อยละ 46 ผู้ใหญ่ร้อยละ 74 และผู้สูงอายุร้อยละ 56 เท่านั้นที่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าองค์การอนามัยโลก (WHO, 2010) ได้กำหนดแนวทางการมีกิจกรรมทางกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชากรโลก โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มอายุ คือ กลุ่มอายุ 5-17 ปี อายุ 18-64 ปี และอายุ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งควรมีกิจกรรมทางกายแบบแอโรบิกในระดับปานกลางถึงหนัก อย่างน้อย 60 นาทีทุกวัน และมีกิจกรรมสร้างเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูกอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และจากข้อมูลสถานการณ์ข้างต้นนั้นยังมีผลการสำรวจข้อมูลของศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (2564) พบว่า อุปสรรคของการมีกิจกรรมทางกายของคนไทยแต่ละกลุ่มวัยนั้นมีความแตกต่างกัน เช่น กลุ่มเด็กและวัยรุ่น พบว่า เกิดความไม่มั่นใจในทักษะของตัวเองและขาดแรงจูงใจที่จะออกกำลังกาย ทำให้ระดับกิจกรรมทางกายของคนไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ต่ำลง สอดคล้องกับทิศทางและแนวโน้มในการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในระดับนานาชาติของคณะกรรมการพัฒนาแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย (2561) มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการส่งเสริมกิจกรรมทางกายหลายองค์กร เช่น องค์การสหประชาชาติ (UNESCO) โดยผู้นำจากประเทศสมาชิกทั้ง 193 ประเทศ ได้เสนอแนวคิดใหม่ในการพัฒนา (Post-2015 Development Agenda) มีการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ภายในปี ค.ศ. 2030 เป็นแนวทางให้แต่ละประเทศดำเนินการร่วมกัน วาระการประชุมในครั้งนั้น คือ การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) หมายถึง แนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบันโดยไม่ลิดรอนความสามารถในการตอบสนองความต้องการของคนรุ่นหลัง (Brundtland Report, 1987) ซึ่งการบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การเติบโตทางเศรษฐกิจ (economic growth) ความครอบคลุมทางสังคม (social inclusion) และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (environmental protection) พร้อมกันนี้ผู้นำประเทศสมาชิกได้ร่วมรับรองร่างเอกสารเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หลังปี ค.ศ. 2015 เรื่อง Sustainable Development Goals: SDGs ที่มีความเกี่ยวข้องกับแนวทาง Transforming Our World: The 2030 Agenda for Sustainable Development (การปรับเปลี่ยนโลกของเรา: วาระ 2030 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) ได้มีการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 เป้าหมาย 169 เป้าประสงค์ และทั้งนี้องค์การสหประชาชาติในประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการสร้างความสำเร็จเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางกายโดยเฉพาะ คือ SDG ข้อที่ 3 การส่งเสริมการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ SDG ข้อที่ 4 การรับรองการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างถ้วนหน้าและเท่าเทียมกันและการส่งเสริมโอกาสการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับทุกคน โดยโรงเรียนเป็นฐานเป้าหมายสำคัญในการป้องกันพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่หมาะสมและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเด็ก ๆ (Pulimeno et al., 2020) ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) ที่ให้ความสำคัญในการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่เศรษฐกิจ สร้างคุณค่า สังคมเดินหน้าอย่างยั่งยืน จึงได้มีการเปิดตัวความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ในด้านทศวรรษแห่งการลงมือทำและทศวรรษแห่งนวัตกรรม (Decade of Action, Decade of Innovation) โดยเทคโนโลยีดิจิทัล มีความสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำและสามารถสร้างนวัตกรรมสำหรับการดำรงชีวิตสมัยใหม่ (สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2566) ด้วยเหตุผลนี้การเลือกกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เพราะคุณภาพชีวิตจะสามารถสะท้อนระดับความอยู่ดีเป็นสุขของปัจเจกบุคคล และอีกด้านหนึ่งอาจมีนัยที่สะท้อนถึงสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อระดับความอยู่ดีเป็นสุขด้วยเช่นเดียวกัน รากฐานทางทฤษฎีที่สำคัญของแนวคิดคุณภาพชีวิตคือทฤษฎีที่เกี่ยวกับความต้องการของมนุษย์และการพัฒนาตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ (United Nations, 2021)
ดังนั้น จากเหตุผลและความสำคัญที่กล่าวมาข้างต้น การพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพและกิจกรรมทางกายที่มีต่อสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพสำหรับนักเรียนประถมศึกษา เป็นรูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความยืดหยุ่นตามทักษะและความสามารถของผู้เรียน สามารถเลือกเรียนได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่และจะช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจสามารถตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาทั้งทางด้านความรู้ ทักษะ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่สำคัญยิ่งให้ดีขึ้นต่อการส่งเสริมสุขภาพและสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพตามความต้องการของโลกปัจจุบัน ทั้งนี้ โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพและกิจกรรมทางกายจะเป็นทางเลือกให้กับผู้เรียนสามารถตอบสนองการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่และเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตอีกด้วย สอดคล้องกับนโยบายการสร้างความเท่าเทียม ความเสมอภาคทางการศึกษาและสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อีกทั้งยังสามารถนำไปเผยแพร่และประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนพลศึกษาเพื่อเป็นการขับเคลื่อนการส่งเสริมสุขภาพและการจัดกิจกรรมทางกายให้เข้าถึงการศึกษาในระดับชั้นต่าง ๆ ให้มีคุณภาพชีวิตและสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพที่ดีสู่สังคมและประเทศชาติต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรแกรมส่งเสริมสุขภาพ ,กิจกรรมทางกาย ,สมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ