$endsection URU Research

รายงานวิจัย

สังคมศาสตร์ ธุรกิจ และกฎหมาย
ทุนสนับสนุนงานพื้นฐาน (Fundamental Fund)
2569
การศึกษารูปแบบการจัดการห่วงโซ่อุปทานมะม่วงหิมพานต์เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
Study of Cashew Supply Chain Management Models to Strengthen the Grassroots Economy in Wiang Sa District, Nan Province.
มะม่วงหิมพานต์นับว่าเป็นพืชอุตสาหกรรมชนิดหนึ่งที่มีการปลูกกันมานานในประเทศไทย เนื่องจากเป็นพืชที่ทนต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ดี ปลูกง่าย โตเร็วและดูแลง่าย สามารถปลูกในดินแทบทุกชนิดที่ระบายน้ำได้ดี อีกทั้งเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับถั่วเปลือกแข็งอื่นๆ ที่นำเข้าจากต่างประเทศ การปลูกมะม่วงหิมพานต์นอกจากเป็นการเพิ่มรายได้แก่เกษตรกรแล้วยังเป็นการเพิ่มการปลูกป่าทำให้สภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น ข้อมูลจากระบบสารสนเทศการผลิตทางด้านการเกษตร ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 - ตุลาคม 2566 พบว่าประเทศไทยมีพื้นที่การปลูกมะม่วงหิมพานต์ทั้งหมด 127,857.61 ไร่ เกษตรกรจำนวน 15,459 ครัวเรือน มีผลผลิตทั้งประเทศในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจำนวน 16,374,600 กิโลกรัมโดยแบ่งตามภูมิภาคต่อไปนี้ ตารางที่ 1 ข้อมูลพื้นที่ปลูกมะม่วงหิมพานต์ในประเทศไทยประจำปี 2566 ภูมิภาค พื้นที่ปลูก(ไร่) เกษตรกร(ครัวเรือน) ผลผลิต(กิโลกรัม) เปรียบเทียบผลผลิต/ไร่ ภาคเหนือ 77,841.26 8,237 7,120,240 91.47 ภาคอีสาน 20,193.25 4,148 6,603,150 326.99 ภาคกลาง 5.00 1 0.00 0.00 ภาคใต้ 7,424.75 1,215 234,556 31.59 ภาคตะวันออก 14,907.35 1,538 1,810,628 121.45 ภาคตะวันตก 7,486 320 606,026 80.95 รวมทั้งสิ้น 127,857.61 15,459.00 16,374,600.00 128.06 ที่มา:http://production.doae.go.th จากข้อมูลพื้นที่ปลูกจะเห็นได้ว่าในเขตพื้นที่ภาคเหนือมีพื้นที่ปลูกสูงถึง 77,841.26 ไร่ โดยเฉพาะปัจจุบันจังหวัดน่านมีจำนวนเกษตรกรปลูกมะม่วงหิมพานต์ จำนวน 3,925 ครัวเรือน พื้นที่เพาะปลูก จำนวน 41,646.26 ไร่ เนื้อที่ให้ผลผลิตจำนวน 23,472.45 ไร่ และยังไม่ให้ผลผลิตจำนวน 18,173.81 ไร่ ให้ผลผลิตรวม 2,133,595 กิโลกรัม มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 12,050 บาท/ไร่ (เริ่มให้ผลผลิต ในปีที่ 3 และเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้ระยะยาว) ระยะเวลาเก็บเกี่ยว ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม ให้ผลผลิตเป็นเมล็ดสดไม่กะเทาะเปลือกเฉลี่ย 90.89 กิโลกรัม/ ไร่ ดังนั้นผลผลิตต่อต้นจะอยู่ที่ 10.78 กิโลกรัม ตารางที่ 3 การคำนวณต้นทุนการผลิตมะม่วงหิมพานต์ในจังหวัดน่าน พื้นที่ปลูกในจังหวัดน่าน พื้นที่ให้ผลผลิต พื้นที่ยังไม่ให้ผลผลิต อัตราการให้ผลผลิต ผลผลิตที่สูญเสีย ผลผลิต ผลผลิตที่สูญเสีย 41,646.26 ไร่ 23,472.45 ไร่ 18,173.81 ไร่ 56.36 43.63 90.89 กิโลกรัม/ไร่ = 2,133,595 กก 90.89 กิโลกรัม/ไร่ = 1,651,817 กก จากตารางที่ 3 สามารถสรุปได้ว่าพื้นที่ปลูกมะม่วงหิมพานต์ในจังหวัดน่านมีค่อนข้างสูงแต่ให้ผลผลิตยังไม่เต็มความสามารถ จากประเด็นดังกล่าวผู้วิจัยได้ทบทวนข้อมูลจากเอกสารและสัมภาษณ์เบื้องต้นสรุปได้ดังนี้ ปัญหาคือ (1) เกษตรกรขาดความรู้ด้านการปลูกและดูแลอย่างมีคุณภาพ (2) พันธ์ของมะม่วงหิมพานต์ที่เกษตรกรปลูกไม่สามารถให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ จากปัญหาดังกล่าวได้มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาแก้ปัญหาโดยการพัฒนาสายพันธ์มะม่วงหิมพานต์ และพัฒนาองค์ความรู้ให้เกษตรกรดังกล่าว โดยได้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงหิมพานต์โดยใช้สายพันธ์ที่ได้ผ่านการพัฒนาแล้ว จำนวน 1,000 ราย พื้นที่ปลูก 5,000 ไร่ โดยให้ผลผลิต 900 กก/ไร่ดังนี้ ตารางที่ 4 การคำนวณผลผลิตจากกลุ่มผู้ปลูกมะม่วงหิมพานต์สายพันธ์ใหม่ ปีที่ให้ผลผลิต พื้นที่ปลูกในจังหวัดน่าน พื้นที่ให้ผลผลิต พื้นที่ยังไม่ให้ผลผลิต อัตราการให้ผลผลิต ผลผลิตที่สูญเสีย ผลผลิต ผลผลิตที่สูญเสีย 2565 5,000 ไร่ 100 ไร่ 4900 ไร่ 2.00 98.00 900 กิโลกรัม/ไร่ = 90,000 กก 900 กิโลกรัม/ไร่ = 4,410,000 กก 2566 5,000 ไร่ 1000 ไร่ 4000 ไร่ 20.00 80.00 900 กิโลกรัม/ไร่ = 900,000 กก 900 กิโลกรัม/ไร่ = 3,600,000 กก 2567 5,000 ไร่ 5,000 ไร่ 0 ไร่ 100.00 0.00 900 กิโลกรัม/ไร่ = 4,500,000 กก - จากตารางที่ 4 จะเห็นได้ว่าหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาแก้ปัญหาดังกล่าวได้เพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ปลูกใหม่ได้อย่างชัดเจนแต่ถ้าเทียบสัดส่วนพื้นที่ปลูกทั้งหมดกับพื้นที่ปลูกมะม่วงหิมพานต์สายพันธ์ใหม่นี้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดโดยตลาดต้องการมะม่วงหิมพานต์เม็ดดำที่ 60,000 ตัน/ปี หรือ 60,000,000 กิโลกรัม โดยมี Value chain ปัจจุบันดังต่อไปนี้ ภาพประกอบที่ 1 ห่วงโซ่คุณค่าเดิมของมะม่วงหิมพานต์ จากภาพประกอบที่ 1 สามารถอธิบายได้ว่า กลุ่มผู้ผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์เดิมเป็นเกษตรกรแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ใหญ่ๆได้แก่ 1. กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ประกอบด้วย (1) วิสาหกิจชุมชนตำบลส้าน (2) วิสาหกิจชุมชนตำบลศรีษะเกษ (3) วิสาหกิจชุมชนตำบล ยาบหัวนา (4) วิสาหกิจชุมชนตำบลอ่ายนาไลย (5) วิสาหกิจตำบลเมืองจัง (6). สหกรณ์แม่จริม (7). กลุ่มเกษตรกรอำเภอภูซาง 2.กลุ่ม Smart farmer 3. กลุ่มStart up 4.กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงหิมพานต์ โดยมีพื้นที่ในการปลูกทั้งสิ้น 5,000 ไร่ ให้ผลผลิต 100 ตัน เมื่อคำนวณรายได้แล้วแต่ละกลุ่มจะมีรายได้ตามตารางดังต่อไปนี้ ตารางที่ 5 ข้อมูลรายได้ของกลุ่มตามห่วงโซ่คุณค่าในปี 2566 กลุ่ม รายได้ ต้นทุน กำไร ผู้ผลิต 90×1,000×20=1,800,000 12,050×90=1,084,500 715,000 ผู้รวบรวม 90×1,000×30=2,700,000 2,000,000 700,000 ผู้รับซื้อ 90×1,000×35=3,150,000 3,000,000 150,000 จากตารางที่ 5 จากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าในปี 2566 ด้วยพื้นที่เก็บจากเกษตรกรค่อนข้างน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการของตลาดเม็ดดำซึ่งมีมากถึง 60,000 ตันต่อปี ทีมวิจัยได้ศึกษาข้อมูลผู้มีส่วนได้เสียในแต่ละกลุ่มจึงได้ทราบปัญหา ดังต่อไปนี้ 1. ผู้ผลิต จากการได้สำรวจข้อมูลเบื้องต้นพบปัญหาที่เกิดขึ้น คือ (1) ขาดความรู้ด้านการปลูกที่ถูกต้อง (2) ขาดการดูแลที่ต่อเนื่อง (3) ขาดการคัดแยกมะม่วงหิมพานต์ตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ (4) ขาดการจัดเก็บสินค้าที่ถูกวิธี (5) ราคาผลผลิตต่ำ 2. ผู้รวบรวม จากการได้สำรวจข้อมูลเบื้องต้นพบปัญหาที่เกิดขึ้น คือ (1) ปัญหาเน่าเสียของผลผลิต (2) ค่าใช้จ่ายจากการขนส่งสูง (3) พื้นที่เก็บวัตถุดิบไม่เพียงพอ (4) ราคาผลผลิตต่ำ 3. ผู้รับซื้อ จากการได้สำรวจข้อมูลเบื้องต้นพบปัญหาที่เกิดขึ้น คือ (1) ผลผลิตไม่มีคุณภาพ (2) ความชื้นของผลผลิตสูงกว่ามาตรฐานที่รับซื้อ (3) ค่าขนส่งสูง (4) ขาดการคัดแยก (5) วัตถุดิบมีไม่เพียงพอต่อตลาด จากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าปัญหาของการจัดการห่วงโซ่อุปทานของมะม่วงหิมพานต์จะมีปัญหาหลักอยู่ที่การจัดการผลผลิตของผู้ผลิตต้นน้ำทำให้การกระจายรายได้ของกลุ่มเกษตรกรน้อยมาก และส่งผลให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้มากพอ ดังนั้นนักวิจัยจึงเล็งเห็นความสำคัญของปัญหาทั้งหมด จึงต้องการศึกษาห่วงโซ่อุปทานใหม่เพื่อช่วยในการกระจายรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการทั้งหมดโดยการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดมะม่วงหิมพานต์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และเพื่อเป็นต้นแบบการจัดการที่สามารถกระจายองค์ความนี้ไปสู่ต่างพื้นที่ปลูกมะม่วงหิมพานต์อีกทั้งหาแนวทางในการพัฒนาผู้ประกอบการต่อไป
รูปแบบการจัดการ,ห่วงโซ่อุปทานมะม่วงหิมพานต์,เศรษฐกิจฐานราก