$endsection URU Research

รายงานวิจัย

สุขภาพและสวัสดิการ
ทุนสนับสนุนงานพื้นฐาน (Fundamental Fund)
2569
ศิลปะบำบัดเพื่อส่งเสริมสุขภาวะสำหรับผู้สูงอายุในจังหวัดอุตรดิตถ์
Arts therapy health to well-being promote for the elderly in Uttaradit Province
อนุรักษ์ ปัญญานุวัฒน์,สุนทรี ลาภใหญ่
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศทั่วโลกต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลก (World Health Organization, 2021) คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) จำนวนประชากรของผู้สูงอายุทั่วโลกที่มีอายุ 65 ขึ้นไป จะเพิ่มสัดส่วนเป็นเท่าตัว จาก 605 ล้านคน หรือร้อยละ 11 ของจำนวนประชากรโลกทั้งหมด เป็น 2 พันล้านคน หรือร้อยละ 22 และองค์การสหประชาชาติ (United Nations Population Fund, 2012) ได้เปิดเผยว่าในช่วงปี 2001-2100 จะเป็นศตวรรษแห่งผู้สูงอายุกล่าวคือ มีประชากรอายุ 60 ปี ขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด หรือมีประชากร อายุ 65 ปี ขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด ในกลุ่มประเทศอาเซียน ช่วงปี พ.ศ. 2523 - 2593 โดยภาพรวม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี พ.ศ. 2558 ประเทศที่มีจำนวนประชากรสูงอายุสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ อินโดนีเซีย 21.19 ล้านคน, ไทย 10.73 ล้านคน และเวียดนาม 9.61 ล้านคน คาดว่าจะมีจำนวนประชากรสูงอายุมากถึงประมาณ 1.4 พันล้านคนและจะเพิ่มขึ้นถึง 2 พันล้านคน ในปี พ.ศ. 2593 ทวีปเอเชียจะมีประชากรสูงวัยมากที่สุดในโลก ประเทศไทย ข้อมูลสถิติประชากรของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง (2565) พบว่า ในปี พ.ศ.2564 มีจำนวนผู้สูงอายุคิดเป็นสัดส่วนประชากร ร้อยละ 18.58 ใกล้เคียงกับข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (2565) ที่พบว่า ในปี พ.ศ 2564 มีประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 18.24 ของประชากร นอกจากนี้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2562) คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะกลายเป็น “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” (Completed Aged Society) ใน พ.ศ. 2566 คือ มีประชากรอายุ 60 ปี ขึ้นไป มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ประชากรไทยจะมีอายุสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (Super Aged Society) ใน พ.ศ. 2576 คือ มีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงขึ้นถึง ร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด และประชากรไทยก็จะยังคงมีอายุสูงยิ่งขึ้นไปอีก ใน พ.ศ. 2583 ประมาณ ร้อยละ 31.4 ) เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเป็นสาแหตุทำให้ผู้สูงอายุเจ็บป่วยทางกาย รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยทางจิตใจและอารมณ์ ที่พบได้บ่อย คือ ภาวะซึมเศร้า (OECD, 2020) เมื่อเกิดภาวะซึมเศร้าส่งผลทำให้เจ็บป่วยทางกายตามมา เช่น โรคหัวใจ โรคหลงลืม ซึ่งพบว่ามีอุบัติการณ์มากกว่าผู้สูงอายุทีไม่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิต ทำให้ผู้สูงอายุได้รับความทุกข์ทรมานและส่งผลต่อสุขภาวะและความเป็นอย่างของผู้สูงอายุ (World Health Organization, 2017; Hazell et al., 2019) จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นหนึ่งจังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง มีจำนวน 9 อำเภอ พบว่า ในปี พ.ศ.2559 จังหวัดอุตรดิตถ์เป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) คือ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึงร้อยละ 20.55 ในปี พ.ศ.2564 ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 25.86 เป็นสังคมผู้สูงอายุสูงสุด (Super Aged Society) และมีแนวโน้มสัดส่วนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญจากข้อมูลสถิติ ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 พบว่า ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงขึ้นเป็น ร้อยละ 26.24 และทุกอำเภอเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยอำเภอที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุสูงที่สุด คือ อำเภอพิชัย ร้อยละ 28.72 รองลงมา คือ อำเภอน้ำปาด อำเภอเมือง และอำเภอตรอน โดยมีสัดส่วนประชากรสูงอายุ 27.26, 26.98 และ 26.89 ตามลำดับ (สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์, 2566) พบว่า มีผู้สูงอายุติดสังคม ร้อยละ 97.80 ติดบ้าน ร้อยละ 1.65 และติดเตียง ร้อยละ 0.55 และผลการคัดกรองภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ พบว่า ผู้สูงอายุมีภาวะซึมเศร้า ร้อยละ 2.92 มีความผิดปกติของช่องปาก ร้อยละ 1.15 มีภาวะเสื่อมทางสมอง ร้อยละ 0.66 เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจช่วงสูงอันตรายสูงสุด ร้อยละ 14.88 มีความผิดปกติในการมองเห็น ร้อยละ 6.99 มีภาวะหกล้ม ร้อยละ 3.12 ปญหาสุขภาพของผู้สูงอายุ พบมากที่สุด คือปัญหาการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่สำคัญ คือ โรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 52.65 โรคเบาหวาน ร้อยละ 20.15 โรคหลอดเลือดหัวใจ ร้อยละ 1.74 และโรคหลอดเลือดสมอง ร้อยละ 1.33 (สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์, 2566) หากไม่มีการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่เหมาะสมและประสานความร่วมมือในการทำงานแบบบูรณาการอย่างสมบูรณ์แบบแล้วจะส่งผลให้ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี (Heathy Aging) เปลี่ยนผ่านมาสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงและมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำลงทำให้เป็นภาระของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติต่อไปในอนาคต ศิลปะบําบัด ( Art therapy) คือการบําบัดรักษาทางจิตเวชรูปแบบหนึ่งที่ประยุกต์ กิจกรรมทางศิลปะมาใช้ เพื่อค้นหาความบกพร่องผิดปกติบางประการของกระบวนการทางจิตใจ โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการประเมินทางจิตวิทยา เพื่อเปิดประตูเข้าสู่จิตใจในระดับจิตไร้สํานึก และเลือกใช้กิจกรรมศิลปะที่เหมาะสมช่วยในการบําบัดรักษา ฟื้นฟูให้ดีขึ้น ยุพาธร เสือเฒ่า (2561) ศิลปะบำบัดเป็นการนำกระบวนการทำงานศิลปะ ที่กระทำบนพื้นฐานของจินตนาการและความรู้สึกมาเป็นเครื่องมือถ่ายทอดตัวตนและสภาวะจิตในรูปการสื่อสาร แบบอวัจนภาษา รวมทั้งเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และวางแผนเพื่อนำพาผู้รับการบำบัดไปสู่ความเข้าใจและพบทางเลือกในการคลี่คลายจากปัญหาที่มีอยู่ด้วยตนเอง โดยเชื่อว่ากระบวนการศิลปะที่กระทำลักษณะนี้จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้รับการบำบัดได้ (ญาดารัตน์ บาลจ่าย, 2561 น, 199) ศิลปะบำบัด จะเน้นที่กระบวนการทางศิลปะ การเลือกใช้เครื่อง มือทางศิลปะ เพื่อนำมาบำบัดรักษาผู้ป่วยให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ใช้ศิลปะเป็นสื่อในการแสดงออกของอารมณ์ ความรู้สึก ความขัดแย้ง ที่ซ่อนอยู่ภายในส่วน ลึกของจิตใจ ที่ไม่สามารถแสดงออกเป็นคำพูดได้ โดยสรุปคือ เน้นที่ กระบวนการสร้างผลงานมากกว่าตัวผลงาน (ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา, 2550) ซึ่ง รูปแบบของศิลปะบําบัด ประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้ 1) ทัศนศิลป์ (visual arts) เป็นผลงานทางศิลปะ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อการรับรู้ทางสายตาของมนุษย์ ได้แก่ งานด้านจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม ภาพพิมพ์ ภาพถ่าย ศิลปะการจัดวาง และงานสื่อผสม ฯลฯ 2) ดุริยางคศิลป์ (music) และนาฏศิลป์ (dance) เป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะผ่านรูปแบบของการแสดง ที่สามารถรับรู้ได้จากสื่อลีลาท่าทาง การเคลื่อนไหว และเสียงเป็นสำคัญในการแสดงออกซึ่งอารมณ์ ความรู้สึก และเรื่องราวต่างๆ 3) การแสดง (drama) ได้แก่ การแสดง การละคร และการเคลื่อนไหวร่างกาย 4) วรรณกรรม (literature) เป็นงานศิลปะที่สื่อด้วยลายลักษณ์อักษร สามารถดลใจให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึก นึกคิด จินตนาการ และอารมณ์ต่างๆ เช่น บทประพันธ์ ร้อยแก้ว และร้อยกรอง เป็นต้น กิจกรรมศิลปะบำบัดเหล่านี้ นักบำบัดจะพิจารณาเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซึ่งการเลือกใช้กิจกรรมทางศิลปะผ่าน สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านี้ อย่างน้อยเพื่อเป็นทางเลือกที่จะระบายความรู้สึกนึกคิด ความเข้าใจตนเอง และวิธีการจัดการความรู้สึกของผู้เข้ารับการบำบัดแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามปัจจุบันในประเทศไทยนำศิลปะมาใช้ใน รูปแบบการบำบัดกับกลุ่มผู้สูงอายุยังไม่กว้างขวางมากนัก พื้นฐานทางสังคมและวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อการทำงานศิลปะกับผู้สูงอายุใน ประเทศไทย รวมทั้งความเปราะบางทางอารมณ์ของ ผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุมีลักษณะไวต่อความรู้สึก และการเปลี่ยนแปลงรอบๆตัว ทำให้ผู้สูงอายุลังเล ที่จะเปิดรับอะไรใหม่ๆ และอาจทำให้ถอนตัวออกจากกิจกรรมการศิลปะบำบัด ญาดารัตน์ บาลจ่าย, พัชรินทร์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง, และจิราพร เกศพิชญวัฒนา (2561) ศึกษา ศิลปะเพื่อการบำบัดในผู้สูงอายุพบว่า การใช้ศิลปะบำบัดกับผู้สูงอายุ ให้ข้อเสนอแนะว่าควรต้องมีการวางเป้าหมายให้สอดคล้องกับปัญหาของผู้สูงอายุ โดยต้องคำนึงถึงข้อจำกัดทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และทักษะในการสื่อสารของ ผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักศิลปะบำบัดและผู้สูงอายุซึ่งเป็นพื้น ฐานรองรับการทำศิลปะบำบัด การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้ระบายความรู้สึกผ่านกระบวนการ สร้างสรรค์อย่างอิสระ ปรับสมดุลของชีวิตและสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและตัวตนภายใน ออกมา อาศัยกระบวนการทางศิลปะบำบัดเป็นเครื่องมือ ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญของการทำศิลปะบบัดกับผู้สูงอายุ คือ ความกลัวที่ต้องเริ่ม ต้นสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย นอกจากนี้ ผู้สูงอายุมักคิดว่าการทำงานศิลปะเป็นเรื่องไร้สาระ มีกรอบ แนวคิดและคาดหวังผลลัพธ์ของกิจกรรมที่มีประโยชน์ใช้สอย การทำศิลปะบำบัดกับผู้สูงอายุจึง ต้องมีความยืดหยุ่น ให้เวลาในการปรับตัว และเคารพในการตัดสินใจ รวมทั้งคำนึงถึงศักดิ์ศรีของ ความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมนักศิลปะบำบัดจะพิจารณาเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลการเลือกใช้สื่อ วัสดุ อุปกรณ์และรูปแบบที่หลากหลายเหล่านี้ เพื่อเป็นทางเลือกที่จะระบายความรู้สึกนึกคิด ความเข้าใจตนเอง และ จัดการกับความรู้สึกได้ตามความเหมาะสมของผู้เข้ารับการบำบัดแต่ละคน ดังนั้นผู้วิจัยจึงสนใจนำศิลปะบำบัดมาประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมสุขภาวะของผู้สูงอายุจังหวัดอุตรดิตถ์ ปัจจุบันในประเทศไทยนำศิลปะมาใช้ใน รูปแบบการบำบัดกับกลุ่มผู้สูงอายุยังไม่กว้างขวางมากนัก พื้นฐานทางสังคมและวัฒนธรรมมีอิทธิพลต่อการทำงานศิลปะกับผู้สูงอายุใน ประเทศไทย รวมทั้งความเปราะบางทางอารมณ์ของ ผู้สูงอายุ ทำให้ผู้สูงอายุมีลักษณะไวต่อความรู้สึก และการเปลี่ยนแปลงรอบๆตัว ทำให้ผู้สูงอายุลังเล ที่จะเปิดรับอะไรใหม่ๆ และอาจทำให้ถอนตัวออกจากกิจกรรมการศิลปะบำบัด อรทยา สารมาศ, ปุณณรัตน์ พิชญไพบูลย์, โสมฉายบุญญานันต์ (2562) ทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและสรุปองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ศิลปะเป็นฐานเพื่อพัฒนาสุขภาวะของผู้สูงอายุโดยศึกษาบทความวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศตามเกณฑ์จากฐานข้อมูล Cambridge Press, Oxford Academic, Sage Journal, Science Direct, Taylor and Francis Online, ResearchGate และ Thaijo ตั้งแต่ปี 2009 แล้วจึงคัดสรรวรรณกรรมโดยคัดกรอง 22 เรื่องจาก 8,458 เรื่องผลการสังเคราะห์พบว่าการวิจัยที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยวิทยาการวิจัย 5 ประเภท คือ การวิจัยเชิงทดลองแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การวิจัยเชิงทดลองขั้นต้น (Pre-Experimental Research) 1เรื่อง การวิจัยกึ่งทดลอง(Quasi-Experimental Research) 8 เรื่อง นอกจากนี้ยังมีการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)5เรื่อง การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) 6 เรื่องการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม(Participatory Action Research) 1 เรื่อง และการวิจัยแบบผสานวิธี (Mixed-Method Research) 1 เรื่อง ที่แตกต่างกันตามสภาพที่ผู้วิจัยศึกษา ผลการสังเคราะห์วรรณกรรมพบว่ากิจกรรมการใช้ศิลปะเป็นฐานเพื่อพัฒนาสุขภาวะของผู้สูงอายุเป็นกิจกรรมศิลปะการสร้างภาพเลียนแบบเพื่อการแสดงออกและกิจกรรมศิลปะประดิษฐ์เพื่อแก้ปัญหาผู้สูงอายุโดยเฉพาะปัญหาทางสุขภาพที่เกิดจากภาวะซึมเศร้าและสมองเสื่อมที่ส่งผลต่อสังคมโดยเน้นการทำงานเป็นกลุ่ม ผลการศึกษาบทความวิจัยทั้งหมดมีความสอดคล้องกันว่าศิลปะช่วยส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเกิดสุขภาวะทางใจและสังคมเพิ่มทัศนคติในเชิงบวกทำให้การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุดีขึ้นจนสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นในสังคม ยุพาธร เสือเฒ่า(2564) ศึกษาผลของโปรแกรมศิลปะบําบัดแบบกลุ่มต่อภาวะซึมเศร้าและความมีคุณค่าในตนเอง ของผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้า ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าโปรแกรมศิลปะบําบัดแบบกลุ่มสามารถลดภาวะซึมเศร้า และเสริมสร้างความมีคุณค่าในตนเองให้กบผู้สูงอายุที่ภาวะซึมเศร้าพยาบาลและบุคลากรในทีม สุขภาพอื่น ๆ ที่ปฏิบัติด้านการส่งเสริมสุขภาพดูแลผู้สูงอายุในชุมชน สามารถนํารูปแบบศิลปะ บําบัด การวาดภาพไปใช้กบผู้สูงอายุเพื่อลดภาวะซึมเศร้าและเพิ่มความมีคุณค่าในตนเองของผู้สูงอายุ และญาดารัตน์ บาลจ่าย, พัชรินทร์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง, และจิราพร เกศพิชญวัฒนา (2561) ศึกษา ศิลปะเพื่อการบำบัดในผู้สูงอายุพบว่า การใช้ศิลปะบำบัดกับผู้สูงอายุ ควรต้องมีการวางเป้าหมายให้สอดคล้องกับปัญหาของผู้สูงอายุ โดยต้องคำนึงถึงข้อจำกัดทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และทักษะในการสื่อสารของ ผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักศิลปะบำบัดและผู้สูงอายุซึ่งเป็นพื้น ฐานรองรับการทำศิลปะบำบัด การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้ระบายความรู้สึกผ่านกระบวนการ สร้างสรรค์อย่างอิสระ ปรับสมดุลของชีวิตและสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและตัวตนภายใน ออกมา อาศัยกระบวนการทางศิลปะบำบัดเป็นเครื่องมือ ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญของการทำศิลปะบบัดกับผู้สูงอายุ คือ ความกลัวที่ต้องเริ่ม ต้นสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย นอกจากนี้ ผู้สูงอายุมักคิดว่าการทำงานศิลปะเป็นเรื่องไร้สาระ มีกรอบ แนวคิดและคาดหวังผลลัพธ์ของกิจกรรมที่มีประโยชน์ใช้สอย การทำศิลปะบำบัดกับผู้สูงอายุจึง ต้องมีความยืดหยุ่น ให้เวลาในการปรับตัว และเคารพในการตัดสินใจ รวมทั้งคำนึงถึงศักดิ์ศรีของ ความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม Galassi, Merizzi, D’Amen, & Santini (2022) ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับศิลปะบำบัดในผู้สูงอายุ พบว่า ผลลัพธ์ของศิลปะบำบัดที่สำคัญ ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพทางปัญญาและการรับรู้ทางสรีรสัมผัส การเสริมสร้างอัตลักษณ์ตนเองและชีวิตที่มีความหมาย การลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและอาการซึมเศร้า และการให้ความสำคัญต่อการเข้าสังคม ทำให้ป้องกันความทุกข์ทางจิตใจและส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจสำหรับผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี จะเห็นได้ว่าศิลปะช่วยในการส่งเสริมการพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณผ่านศิลปะนั้น คือการเดินทางในเส้นทางของการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ ที่สามารถกระทำได้ทั้ง การทำสมาธิ การภาวนา ตลอดจนความชื่นชอบและ ความพึงพอใจ ความชื่นชมในศิลปะ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์ รวมไปถึงการไตร่ตรองการอ่านวรรณกรรม กวีนิพนธ์ การฟัง การร้องเพลง และเล่นดนตรี ศิลปะทุกรูปแบบมีส่วนทำให้เกิดความรู้สึก ความคิด นำไปสู่การพัฒนาทางจิตวิญญาณ ของมนุษย์ ศิลปะแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของทุกสิ่งในชีวิตทั้งจากอดีต ขณะปัจจุบัน และ อนาคตที่กำลังจะมาถึง ผ่านมิติ ทางจิตวิญญาณและประสบการณ์ ดังนั้นผู้วิจัยจึงสนใจพัฒนารูปแบบศิลปะบำบัดเพื่อส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุจังหวัดอุตรดิตถ์เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการวิจัยในครั้งนี้ไปขยายผลการนำไปใช้ในการส่งเสริมสุขภาวะของผู้สูงอายุในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
ศิลปะบำบัด, สุขภาวะ, ผู้สูงอายุ, โปรแกรมศิลปะบำบัดสำหรับผู้สูงอายุ