ข้อมูลงานวิจัย รายงานข้อมูล

งานวิจัยรื่อง การพัฒนาระบบการจัดสวัสดิการในด้านการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ชุมชน กรณีศึกษาชุมชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลนาคู อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์
Development Social Welfare Sales Promotion Products in the Community: A case study of Na Khu Municipal District Sub-District Na Khu District Kalasin Province.

นักวิจัย
หัวหน้าโครงการ : ผศ. ดร.วาริธ ราศรี
ผู้ร่วมวิจัย :
ผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ :
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานของชุมชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลนาคู อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ 2. เพื่อศึกษาศึกษาศักยภาพของชุมชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลนาคู อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ 3. เพื่อพัฒนาระบบการจัดสวัสดิการในด้านการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ชุมชน กรณีศึกษาชุมชน ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลนาคู อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์
คำสำคัญ
การพัฒนา, สวัสดิการ
บทคัดย่อย
จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ประเทศต่าง ๆ ได้ให้ความสนใจที่จะ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีมากขึ้น มิได้จำกัดขอบเขตอยู่แต่เฉพาะภายในระบบเศรษฐกิจของประเทศตนเท่านั้น หากแต่พยายามศึกษาระบบเศรษฐกิจของประเทศอื่นที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจมาเป็น ต้นแบบในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศของตน นอกจากนี้ในโลกยุคปัจจุบันที่มีความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศ โดยเฉพาะทางด้านการค้ามีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ประกอบกับการคมนาคมติดต่อสื่อสาร ที่สะดวกรวดเร็วทำให้ประเทศต่าง ๆ มีโอกาสติดต่อทำการค้าระหว่างประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแตกต่างกัน การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศใดประเทศหนึ่งอาจมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อประเทศอื่น ๆ ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันยิ่งทำให้โลกแคบลง ผลกระทบของการดำเนิน นโยบายทางเศรษฐกิจและการค้ายิ่งรุนแรงมากขึ้น การแข่งขันในโลกปัจจุบันได้แปรเปลี่ยนจากการแข่งขันทาง อาวุธและสงครามมาเป็นการแข่งขันทางการค้า สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ นับได้ว่ามี ความสำคัญที่มีผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชนโดยส่วนรวมในแต่ละช่วงเวลา ตลอดจนจะต้อง พิจารณาความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยว่ามีแนวโน้มดำเนินไปอย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสังคมส่วนรวมโดยแท้จริง เป็นต้น ประเทศไทยในกระแสแห่งการพลวัตเช่นนี้ เราจำเป็นต้องเสริมสร้างสังคมไทยให้อยู่ดีมีสุข โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้และการจัดการความรู้ร่วมกันของคนในชุมชนด้วยทุนทางทรัพยากรและศักยภาพของ ชุมชน มีการสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงตนเองอย่างเพียงพอ มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันทั้งภายในและภายนอก ชุมชน บนพื้นฐานของภูมิปัญญาและศักยภาพของชุมชนที่มีอยู่ (ประทีป วีระพัฒนนิรันดร์. 2553: 18) การดำรงชีวิตของคนในสภาวะที่เศรษฐกิจของโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การประกอบอาชีพ ของคนในชุมชนก็ย่อมมีผลต่อรายได้ของครอบครัว การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ขึ้นนั้นจำเป็นจะต้องพัฒนาอาชีพหรือหารูปแบบในการสร้างรายได้กับประชาชนที่หลากหลาย โดยเน้นการจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะของบุคคล กลุ่มบุคคล ด้วย ความร่วมมือของผู้นำชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้องให้สามารถดำเนินการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อสร้าง รายได้ให้กับชุมชน โดยให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาและภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประชาชนจึงจำเป็นต้อง แสวงหาการสร้างรายได้ เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและทักษะในการดำรงชีวิตของบุคคลและกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่แตกต่างกันโดยกลุ่มเป้าหมายสามารถเลือกรูปแบบในการการ สร้างเสริมรายได้ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้ดำเนินการ เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น โดยการสร้างรายได้ลดรายจ่ายและเพิ่มศักยภาพ ของชุมชนให้มีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเหมาะสมตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง เป็นต้น คุณภาพชีวิตที่ดี นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประชากรในประเทศนั้น ๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ หาก ประชากรกลุ่มนี้ในชาติโดยส่วนรวมด้อยคุณภาพ แม้ว่าประเทศนั้นจะมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์เพียงใด ก็ไม่ อาจทำให้ประเทศชาตินั้นเจริญและพัฒนาให้ทันหรือเท่าเทียมกับประเทศที่มีประชากรที่มีคุณภาพได้ คุณภาพ ของประชากร จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญและชี้ว่าการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศใดจะเจริญก้าวหน้ากว่า อีกประเทศ ดังเช่น ประเทศญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สภาพบ้านเมืองได้รับผลกระทบจากสงคราม แต่ ด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพของประชากรญี่ปุ่น ทั้งทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา จึงทำให้ประเทศญี่ปุ่น ยกฐานะเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเห็นได้ว่าคุณภาพชีวิตมี ความสำคัญต่อชุมชนและประเทศชาติให้ดีขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การมีคุณภาพที่อยู่ดีมีสุข เป็นต้น จากรายงานการ สำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทยของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (2557) พบว่า ผู้สูงอายุได้รับการเกื้อหนุน ด้านการเงินจากครอบครัว และจากการทำงานมีแนวโน้มลดลงจากผู้สูงอายุ 1 คน เคยมีวัยแรงงาน 5 คน เกื้อหนุนดูแล จะเหลือวัยแรงงานไม่ถึง 2 คน ที่เกื้อหนุนดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจากการ คาดการณ์ในปี 2583 ผู้สูงอายุต้องพึ่งพาตนเอง โดยอาศัยเงินจากระบบบำเหน็จ บำนาญ เบี้ยยังชีพ คู่สมรส เงินออม และดอกเบี้ย เงินออม จากทรัพย์สิน ของตนเพิ่มมากขึ้น (สำนักงานสถิติแห่งชาติ. 2557: 18) จากกระแสความเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาดังกล่าว เป็นผลทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในชนบทการดำรงชีวิตจากครอบครัวขยายเปลี่ยนมาเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ประชากรส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งผู้สูงอายุจะอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียวไม่ค่อยได้พบปะพูดคุยกับใคร ส่วนใหญ่จะมีภาระดูแลบ้านประกอบอาหารและเลี้ยงดูหลาน เนื่องจากบุตรที่แต่งงานแล้ว หรือยังไม่แต่งงาน จะต้องไปหารายได้หรือต้องไปทำงานต่างถิ่นทำให้ผู้สูงอายุต้องมีบทบาทในการเลี้ยงดูหลานไม่มีอาชีพที่ ก่อให้เกิดรายได้เป็นของตนเอง ต้องคอยรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ อาทิ องค์การบริหารส่วน ตำบล สาธารณสุข และลูกหลาน ส่งผลให้ผู้สูงอายุเกิดภาวะเจ็บป่วยด้านร่างกายและจิตใจเพิ่มขึ้นสอดคล้อง กับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (2550) ที่ได้ให้แนวทางในการดำเนินงานพัฒนาอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้แก่ ประชาชนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส มีดังนี้ 1) การสำรวจข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับการประกอบอาชีพและส่งเสริมอาชีพของประชาชนในท้องถิ่นจัดทำทะเบียนอาชีพ ทะเบียนวัตถุดิบ ทะเบียนปราชญ์ชาวบ้าน การสร้างระบบฐานข้อมูลเพื่อการส่งเสริมอาชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2) การฝึกอาชีพ โดยฝึกอบรมตามความต้องการของประชาชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสกลุ่มอาชีพใน ท้องถิ่นเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการผลิตการปลูกการสร้างผลผลิต ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนส่งเสริมอาชีพและสร้าง โอกาสให้เกิดการทำงานสร้างรายได้แก่ประชาชนที่อยู่ในวัยทำงาน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสใน พื้นที่รับผิดชอบของท้องถิ่น 3) ส่งเสริมสนับสนุนการรวมกลุ่มอาชีพ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในอาชีพการ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ทักษะในการประกอบอาชีพที่เหมือนกันหรือใกล้เคียงกันอันเป็นประโยชน์ต่อ การพัฒนาอาชีพและส่งเสริมกลุ่มอาชีพในท้องถิ่นที่มีอยู่แล้วในพื้นที่รับผิดชอบของท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง และมีการบริหารจัดการที่ดี 4) การส่งเสริม สนับสนุนงบประมาณวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ตลอดจน เทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการประกอบอาชีพของประชาชน 5) การส่งเสริม สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาที่ เกี่ยวข้องกับอาชีพในท้องถิ่น เพื่อสร้างองค์ความรู้ทักษะการบริหารจัดการการ ปรับปรุงและสร้างโอกาสการ แข่งขันทั้งในระดับชุมชนระดับประเทศและต่างประเทศ 6) การส่งเสริม สนับสนุนประชาสัมพันธ์ สร้างความ เข้าใจในการจัดทำแผนการส่งเสริมอาชีพที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเน้น การมีส่วนร่วมของประชาชนองค์กรประชาชนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 7) มีการติดตามประเมินผล แผนงาน/ โครงการ/กิจกรรม การส่งเสริมอาชีพในท้องถิ่น และปรับปรุงแก้ไขพัฒนาไปสู่ความต้องการของประชาชนใน ทุกระดับจากการกำหนดแนวทางการส่งเสริมอาชีพของกระทรวงมหาดไทยและกรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่นสามารถสรุปเป็นแนวทางด้านการส่งเสริมอาชีพ โดยมุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา โดย คำนึงถึงความจำเป็นและความสอดคล้องทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประชาชน (นพศร ศรีชัย และ พีรพล ไตรทศาวิทย์. 2554) เทศบาลตำบลนาคู อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ มีกลุ่มงานฝ่ายสวัสดิการสังคมที่ดูแลรับผิดชอบ จัดสรรสวัสดิการสังคมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาทางสังคมและพัฒนาสังคม รวมทั้งการส่งเสริมความมั่นคง ทางสังคม เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้ในระดับมาตรฐาน โดยบริการดังกล่าวจะต้องตอบสนองความ ต้องการพื้นฐานของประชาชนให้ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมให้แก่ประชาชนใน ชุมชนในหลาย ๆ ด้าน อาทิ ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา ด้านความเป็นอยู่อาศัย ด้านการบริการสังคม ทั่วไป และด้านการมีรายได้ เป็นต้น ปัจจุบัน กลุ่มงานฝ่ายสวัสดิการสังคม ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างอาชีพ ในชุมชนเพื่อให้ชุมชนมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์หรือสินค้าที่ผลิตขึ้นมา อาทิ ผลิตภัณฑ์สินค้าทาง การเกษตร ผลิตภัณฑ์สินค้าสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องจักรสาน และผลิตภัณฑ์สินค้าของชำร่วยของที่ระลึก เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์สินค้าดังกล่าวนี้กับไม่สามารถจำหน่ายได้หรือไม่มีตลาดรองรับในการจำหน่าย ผลิตภัณฑ์สินค้าในชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่วิจัยของผู้วิจัยและคณะ พบว่า ในชุมชน เทศบาลตำบลนาคู มีผลิตภัณฑ์สินค้าต่าง ๆ เป็นจำนวนมากแต่ไม่มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้า หน่วยงาน และชุมชน จึงมีความต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ใน ชุมชน เป็นต้น ดังนั้น จากความสำคัญที่กล่าวมาในข้างต้น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัย เพื่อท้องถิ่น มีวิสัยทัศน์เพื่อเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ด้านการวิจัยที่มีคุณภาพมาตรฐานเพื่อพัฒนาการเรียน การสอน ได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายองค์การ ปกครองส่วนท้องถิ่นใน 42 แห่ง ทางภาคอีสาน ได้ร่วมมือกันทำวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม อันจะนำไปสู่ชุมชน ท้องถิ่นน่าอยู่ โดยผู้วิจัยและคณะได้ตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน โดย ผ่านการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาระบบการจัดสวัสดิการในด้านการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ชุมชน กรณีศึกษา ชุมชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลนาคู อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์” เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น ให้เกิดเป็นเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน 4.0 ต่อไป
เอกสารงานวิจัย

ผลการใช้ประโยชน์ในพื้นที่

Notes

ข้อมูลจากระบบ LRD : Local Research Development System.

ย้อนกลับ